เดี๋ยวนี้ รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกียร์ออโต้กันหมดแล้วนะคับ ก็มีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก ก็เริ่มเลยละกัน
P = parking หรือเกียร์จอด ( สตาร์ทเครื่องได้ )
R = เกียร์ถอยหลัง
N = เกียร์ว่าง ( สตาร์ทเครื่องได้ )( สามารถเข็นรถได้ )
D = เกียร์เดินหน้า
3 = เกียร์เดินหน้า
2 = เกียร์เดินหน้า
1 = เกียร์เดินหน้า
ตำแหน่งเกียร์ ส่วนใหญ่ก็จะมีพื้นฐานแบบนี้นะ ก็แล้วแต่รุ่นไหน จะใช้สัญลักษณ์อย่างไร
เคยสงสัยไหมคับ เอ้า! ทำไมให้เกียร์เดินหน้ามาตั้ง 4 ช่อง แล้วใช้ช่องไหน ปกติใช้ D อย่างเดียว แล้วที่เหลือไว้ทำอะไร ?
ผมจะพูดถึง รถยนต์ที่มีเกียร์ออโต้ 5 สปีด นะคับ
1 = เดินหน้าด้วยเกียร์ 1 เพียงเกียร์เดียว จะใช้ตอนขึ้นเนินซะส่วนใหญ่นะ
2 = เดินหน้าด้วยเกียร์ 1-2 ใช้ช่วงรถติด หมายความว่า เราเหยียบแค่ไหน เกียร์มันก็จะเปลี่ยนแค่จาก 1 ไป 2 เท่านั้น
3 = เดินหน้าด้วยเกียร์ 1-2-3 ส่วนใหญ่ก็ใช้ช่วงรถติดเหมือนกันนะ
D = เดินหน้าด้วยเกียร์ 1-2-3-4-5 อันนี้ก็คือปกติ ตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ ตามการขับขี่ของเรา
แล้ว ปุ่ม O/D off ล่ะ มันเป็นปุ่มที่จำกัดการใช้งานในเกียร์ Over drive ก็คือ เกียร์สุดท้าย อย่างคันนี้มี 5 เกียร์ เกียร์ 5 ก็จะเป็นเกียร์ Over drive ถ้าเรากดปุ่ม O/D off รถก็จะไม่ใช้เกียร์ 5 จะเดินหน้าด้วย เกียร์ 1-2-3-4 เท่านั้น
แต่รถรุ่นใหม่ ๆ เค้ามีการเก็บข้อมูลการขับขี่ของเรา แล้วนำออกมาใช้อย่างเหมาะสมกับที่เราขับแล้วนะ ก็คือเหยียบตามใจอย่างเดียว
พอรู้ข้อมูลข้างต้นแล้ว ก็มีคนนึกสนุก อยากขับรถเกียร์ออโต้ แต่อยากเปลี่ยนเกียร์เองแบบเกียร์ธรรมดาบ้าง ใน style การขับแบบ กิ่ง racing บ้าง อยากลองก็ไม่ว่ากันคับ วิธีการเป็นไง ไปดูกันเลยนะ
– เริ่มจากสตาร์ทเครื่องยนต์ ตำแหน่ง P หรือ N ก็ได้
– กดปุ่ม O/D off
– เหยียบเบรค แล้วดึงคันเกียร์มาที่ 1 ออกตัว แล้วเหยียบให้เต็มที่ เต็มรอบไปเลย แล้วดันคันเกียร์ไปที่ 2 เกียร์จะเปลี่ยนไปที่ เกียร์ 2
– เหยียบให้เต็มรอบ แล้วดันคันเกียร์ไปที่ 3 เกียร์ก็จะเปลี่ยนไปที่ เกียร์ 3
– เหยียบให้เต็มรอบ แล้วดันคันเกียร์ไปที่ D เกียร์ก็จะเปลี่ยนไปที่ เกียร์ 4
– เหยียบให้เต็มรอบ แล้วกดปุ่มปิด O/D off เกียร์ก็จะเปลี่ยนไปที่ เกียร์ 5
ขั้นตอนก็เป็นอย่างนี้ละครับ แต่ถ้าใครคิดจะลอง ก็ต้องบอกไว้ก่อนนะว่า เกียร์ออโต้ มันบอบบางกว่าเกียร์ธรรมดาเยอะ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการขับขี่แบบนี้นะ ถ้าจะลอง ก็ต้องมีความชำนาญในการขับขี่ด้วยนะคับ ไม่ใช่ว่าเกียร์มันจะพังคามือหรอกนะ แต่มันหมายถึงอันตรายต่างหาก และอีกอย่าง รถยนต์เกียร์ออโต้น่ะ จะกินน้ำมันมากกว่ารถยนต์เกียร์ธรรมดาอยู่เยอะเหมือนกันนะ ถ้าจะเหยียบก็ดูตังในกระเป๋าก่อนแล้วกัน อ้อ อย่าลืมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่เค้ากำหนดไว้ด้วยนะคับ เปลี่ยนก่อนก็ดี แต่อย่าให้เลย เพราะเกียร์ออโต้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายก็จริง แต่ถ้าพังขึ้นมาเมื่อไหร่ ค่าซ่อมของมันอาจจะซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองได้คันนึงเลยก็ได้นะ
อีกนิดนึงคับ เกียร์ออโต้ของรถบางรุ่น จะเป็นระบบไฟฟ้า กรณีต้องจอดรถที่จำเป็นต้องเข็นได้ อย่างบนห้างเป็นต้น เราจะไม่สามารถเลื่อนเกียร์จาก P มาที่ N เพื่อให้รถสามารถเข็นได้ถ้าเราดึงกุญแจออกแล้ว และบางรุ่น ถ้าไม่เข้าเกียร์ P ก็ดึงกุญแจไม่ออกเหมือนกัน ดังนั้น รถยนต์บางรุ่น เค้าจะทำช่องเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ข้างตำแหน่งเกียร์ P เพื่อใช้ดอกกุญแจ เสียบลงไปปลดล็อคให้สามารถเลื่อนเกียร์ จาก P มา N ได้ อาจจะมีแผ่นพลาสติกปิดช่องนั้นไว้อยู่ เราก็แค่แกะแผ่นพลาสติกนั้นออก เก็บไว้ แล้วนำกุญแจเสียบลงไปดัน แล้วดึงคันเกียร์จาก P มา N เท่านั้น แล้วก็ปิดแผ่นพลาสติกปิดช่องกลับเหมือนเดิม ลองดูแล้วกันคับ
สุดท้าย อย่าลืมนะคับ ไม่ว่าเราจะมีสติปกติ หรือง่วงนอน หรือเมาค้างจากการสังสรรค์ หรือป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อเข้าไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยแล้ว คุณจะต้องใช้ทุกอย่างที่มี ทั้งสติ สมาธิ ปัญญา ไหวพริบ ความสามารถ และประสบการณ์ เพื่อควบคุมรถพาเราไปให้ถึงจุดหมายโดยปลอดภัย พยายามทำให้สมาธิอยู่กับตัวเราให้มากที่สุด ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไรในใจ หรือคิดถึงอะไร หรือคิดถึงใคร ก็อย่าลืมว่า บนถนน อันตรายมันมีอยู่รอบด้าน หากเราเสียสมาธิไป อาจทำให้เราไม่ได้เห็นหน้าคนที่เราคิดถึงอีกเลยก็เป็นได้นะคับ
ขอให้ขับขี่ปลอดภัยทุกท่าน แล้วบนถนนก็อย่าลืมแบ่งปันน้ำใจกันบ้างนะคับ
จบแล้วคับ
เรื่องการวางเท้า สำหรับเกียร์ออโต้ ควรใช้เท้าขวาเพียงข้างเดียวในการควบคุมเบรคและคันเร่ง ไม่ควรวางเท้าขวาที่คันเร่ง และวางเท้าซ้ายที่เบรค เพราะนอกจากจะผิดวิธีแล้ว ยังมีผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และผ้าเบรคหน้าหมดเร็วกว่าปกติด้วยนะคับ
เพราะ ระบบเบรครถยนต์จะมีหม้อลมเบรคคอยช่วยผ่อนแรงเหยียบเบรคให้เรา ทำให้เราออกแรงเหยียบเบรคน้อยลง ถ้าเราเผลอวางเท้าซ้ายไว้ที่เบรคตลอดเวลาที่ขับรถ จะเหมือนกับว่าเราแตะเบรคอยู่ตลอดเวลา โดยที่เราไม่รู้ตัว ก็จะส่งผลให้ผ้าเบรคหมดเร็วกว่าปกติละคับ แล้วถ้าคิดว่ารถยังอยู่ในระยะรับประกันอยู่ แล้วหวังจะไปเคลมกับศูนย์บริการคงไม่ได้นะคับ เพราะ ผ้าเบรค เป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่อยู่นอกเหนือเงื่อนไขการรับประกันอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองอยู่ดีละคับ
แม้แต่รถเกียร์ธรรมดา ถ้าเราวางเท้าซ้ายไว้บนแป้นเหยียบคลัตซ์ตลอดเวลาที่ขับรถ ก็มีผลเหมือนกันคับ อาจจะไม่เห็นอาการในระยะสั้น แต่ระยะยาวมีแน่นอนคับ แล้วถ้าเกิดปัญหาก็ต้องจ่ายตังเอง เหมือนกับผ้าเบรคนั่นละคับ ก็ดูเอาละกันนะ
เวลาขับรถ ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับกระจกมองข้าง ซ้าย ขวา และกระจกมองหลังด้วยนะคับ ส่วนกระจกมองหน้าก็ไว้ก่อนก็ได้มั๊ง
ระวังอย่าให้อารมณ์ควมคุมรถแทนคุณนะคับ มันอันตรายนะ